เลือกอ่านตามหัวข้อ
Toggleค่า BMI คืออะไร
คำนวณ BMI ผู้หญิง เราควรทราบก่อนว่าคืออะไร BMI หรือดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ประเมินว่าน้ำหนักของบุคคลอยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับส่วนสูงหรือไม่ ค่า BMI ได้รับการคิดค้นขึ้นโดย Adolphe Quetelet ในช่วงศตวรรษที่ 19 ภายใต้ชื่อ 'Quetelet Index' และได้ถูกใช้เป็นมาตรฐานในการวัดช่วงน้ำหนักตัวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา สูตรการคำนวณ BMI คือการหารน้ำหนักของบุคคลในหน่วยกิโลกรัมด้วยส่วนสูงในหน่วยเมตรยกกำลังสอง ค่าที่ได้จะช่วยให้เข้าใจถึงระดับความเสี่ยงทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป สำหรับผู้ชายที่ต้องการทราบค่า BMI สามารถคำนวณและอ่านบทความเพิ่มเติมที่ คำนวณ BMI ผู้ชาย ดัชนีมวลกายบอกอะไรคุณบ้าง
ดัชนีมวลกาย ผู้หญิง
ดัชนีมวลกาย ผู้หญิง หรือ BMI เป็นเครื่องมือที่สำคัญในด้านสาธารณสุขเนื่องจากมันช่วยให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถประเมินสถานะน้ำหนักและจัดหมวดหมู่ความเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่า BMI อาจไม่ได้วัดปริมาณไขมันในร่างกายโดยตรง แต่ค่านี้ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวโน้มของสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว ตัวอย่างเช่น ค่า BMI ที่สูงบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวมากเกินไป ในทางกลับกัน ค่า BMI ที่ต่ำอาจส่งสัญญาณถึงปัญหาเช่น ภาวะขาดสารอาหารทางโภชนาการหรือโรคต่างๆ ที่ทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างผิดปกติ อย่างไรก็ตาม สำหรับการประเมินสุขภาพของบุคคล ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ เพศ เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย กิจกรรม และขนาดเส้นรอบเอว เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม
การทำความเข้าใจค่า BMI และการใช้มันอย่างถูกต้องจึงสามารถช่วยในการนำทางสู่การดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดีและการตัดสินใจที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาหารที่เหมาะสม การวางแผนการออกกำลังกาย หรือแม้แต่การสำรวจและหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเมื่อต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม
คำนวณ BMI ผู้หญิง ปัจจุบันความตระหนักด้านสุขภาพกลายเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งขึ้นทุกวัน การรู้และเข้าใจค่า BMI (Body Mass Index หรือ ดัชนีมวลกาย) สำหรับผู้หญิงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการติดตามสุขภาพและความเหมาะสมของน้ำหนักตัว แต่ยังเป็นหนทางในการป้องกันโรคและปรับปรุงคุณภาพชีวิตในระยะยาวด้วย ค่า BMI ที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ และช่วยให้ผู้หญิงทุกคนมีชีวิตที่สมดุลและมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปสำรวจทุกมิติของการ คำนวณ BMI ผู้หญิง ตารางมาตรฐาน BMI สำหรับผู้หญิง ไปจนถึงการอธิบายความสำคัญของมันในด้านสุขภาพของผู้หญิง บทความนี้จะ แนะนำวิธีการคำนวณ BMI อย่างง่ายดายและถูกต้อง และทำให้คุณเข้าใจถึงผลกระทบของค่า BMI ต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของคุณ พร้อมทั้งคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการรักษาหรือปรับปรุงค่า BMI เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
พร้อทั้งแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถนำความรู้ไปใช้ในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างมีสติและมีประสิทธิผล ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร และมีสถานะสุขภาพเช่นไร ความรู้เกี่ยวกับ BMI นี้มีประโยชน์สำหรับผู้หญิงทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง
คํานวณ BMI ผู้หญิง ยังไง
วิธีคำนวณ BMI ผู้หญิง ในการหาค่าดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร) 2
สมมติว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีน้ำหนักตัว 55 กก. และมีส่วนสูง 165 ซม. (=1.65 ม.) การคำนวณค่า BMI จะเป็นดังนี้
ดัชนีมวลกาย (BMI) = 55 ÷ (1.65) 2
ดัชนีมวลกาย (BMI) = 20.2
ระดับค่า BMI | สถานะ | ความเสี่ยงต่อสุขภาพและโรค |
---|---|---|
น้อยกว่า 18.5 | น้อยเกินไป | เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารกระดูกอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง |
18.5 - 24.9 | ปกติ | ระดับสุขภาพที่ดี ความเสี่ยงต่อโรคน้อย |
25 - 29.9 | น้ำหนักเกิน | เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง |
30 หรือมากกว่า | อ้วน | เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และอื่นๆ ความเสี่ยงสูง |
เกณฑ์น้ำหนัก ส่วนสูง ผู้หญิง
เกณฑ์น้ำหนัก ส่วนสูง ผู้หญิง ที่เหมาะสมตามส่วนสูงของผู้หญิง จะมีการกำหนดช่วงน้ำหนักที่แนะนำซึ่งคำนวณจากค่า BMI นี้ ตารางน้ำหนักตามส่วนสูงนี้คือช่วงน้ำหนักต่ำสุดและสูงสุดที่คำนวณมาจากค่า BMI ต่ำสุดและสูงสุดของช่วงปกติ
ตัวอย่างเช่น สำหรับผู้หญิงที่ส่วนสูง 160 เซนติเมตร ช่วงน้ำหนักที่เหมาะสมจะเริ่มต้นจากประมาณ 47.4 กิโลกรัม (ซึ่งตรงกับค่า BMI ที่ 18.5) ไปจนถึง 63.7 กิโลกรัม (ซึ่งตรงกับค่า BMI ที่ 24.9) น้ำหนักที่อยู่ในช่วงนี้ถือว่าเป็นน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับความสูงนั้น ๆ และสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวได้
ส่วนสูง (เซนติเมตร) | น้ำหนักต่ำสุด (กิโลกรัม) | น้ำหนักปกติ (กิโลกรัม) | น้ำหนักสูงสุด (กิโลกรัม) |
---|---|---|---|
150 | 41 | 45 - 56 | 60 |
155 | 43 | 47 - 59 | 63 |
160 | 46 | 50 - 62 | 66 |
165 | 49 | 53 - 66 | 70 |
170 | 52 | 56 - 70 | 74 |
175 | 54 | 59 - 74 | 79 |
180 | 57 | 62 - 78 | 83 |
185 | 60 | 65 - 82 | 88 |
ค่า BMI กับ ช่วงอายุ ผู้หญิง
ค่า BMI กับ ช่วงอายุ ผู้หญิง จะช่วยประเมินว่าน้ำหนักของคุณอยู่ในช่วงที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับส่วนสูงหรือไม่ และมันสามารถแตกต่างกันไปตามช่วงอายุและเพศ สำหรับผู้หญิง ช่วงอายุมีผลต่อค่า BMI ที่ถือว่าเป็นเกณฑ์ปกติ เนื่องจากความต้องการพลังงานและสัดส่วนของมวลกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกายเปลี่ยนแปลงตามอายุ
ค่า BMI กับ ช่วงอายุ ผู้หญิง
วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว (อายุ 18-25 ปี) ค่า BMI ผู้หญิง ที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติอาจอยู่ระหว่าง 18.5 ถึง 22.9 เนื่องจากมักจะมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่าในวัยนี้
วัยผู้ใหญ่ (อายุ 26-64 ปี) ช่วงค่า BMI ผู้หญิง ปกติขยายไปถึง 24.9 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและการเพิ่มมวลไขมันที่อาจเกิดขึ้นตามวัย
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) ช่วงค่า BMI ผู้หญิง ที่ถือว่าปกติสามารถสูงถึง 27 เพราะมวลกล้ามเนื้อลดลงและมวลไขมันเพิ่มขึ้นตามปกติของการเพิ่มอายุ การเพิ่มค่า BMI ในช่วงนี้อาจเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคบางอย่างและสามารถช่วยในการรักษา ความซึมเศร้าของกระดูกและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อยากการหกล้มได้
การเพิ่มค่า BMI สำหรับผู้หญิงที่มีค่า BMI ต่ำ
การเพิ่มค่า BMI สำหรับผู้หญิงที่มีค่า BMI ต่ำกว่าเกณฑ์ควรทำอย่างรอบคอบและอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป้าหมายคือการเพิ่มน้ำหนักแบบมีสุขภาพดี
1. รับประทานอาหารที่มีแคลอรี่และสารอาหารสูง เพิ่มปริมาณแคลอรี่ รับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงเพื่อเพิ่มน้ำหนัก แต่แคลอรี่เหล่านั้นต้องมาจากแหล่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น อโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก รวมถึงเลือกอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่น รับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร เช่น ผลไม้แห้ง ธัญพืช อาหารที่มีโปรตีนสูง
2. รับประทานอาหารเล็กน้อยแต่บ่อยครั้ง รับประทานบ่อย แทนที่จะรับประทานอาหารใหญ่ๆ สามมื้อ ลองรับประทานอาหารเล็กๆ หลายๆ ครั้งตลอดวันเพื่อช่วยเพิ่มการบริโภคแคลอรี่โดยรวมโดยไม่ทำให้รู้สึกอิ่มเกินไปหรือไม่สบายท้อง
3. เพิ่มการบริโภคโปรตีน โปรตีนช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ โปรตีนเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างและซ่อมแซมมวลกล้ามเนื้อ รับประทานอาหารที่รวมโปรตีนสูง เช่น เนื้อไม่ติดมัน ปลา ไข่ และถั่วเป็นต้น หรือการรับบประทานโปรตีนเสริมเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ดีและเร็วขึ้น เนื่องจากโปรตีนเสริมเหล่านั้นมีความเข้มข้นสูงและร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่าย
4. รับประทานไขมันดี ไขมันดีเป็นสิ่งจำเป็น ไขมันไม่อิ่มตัวช่วยเพิ่มแคลอรี่และสนับสนุนการดูดซึมวิตามิน อาหารเช่น ปลาที่อุดมด้วยโอเมก้า-3 อโวคาโด น้ำมันมะกอก และน้ำมันคาโนลา เป็นตัวเลือกที่ดี
5. ออกกำลังกายแบบเน้นการสร้างกล้ามเนื้อ การฝึกความแข็งแรง รวมการฝึกด้วยน้ำหนักเข้ากับกิจกรรมประจำสัปดาห์เพื่อช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มน้ำหนักในรูปของกล้ามเนื้อแทนที่จะเป็นไขมัน
การลดค่า BMI สำหรับผู้หญิงที่มีค่า BMI สูง
การลดค่า BMI สำหรับผู้หญิงที่มีค่า BMI สูงสามารถทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและนิสัยการกินให้ดีขึ้นหรือการใช้ตัวช่วยหรือวิธีต่างๆ ในการลดค่า bmi ผู้หญิงที่เหมาะสมกับผู้หญิงและทำได้อย่างยั่งยืน ไม่ฝืนหรือทรมาน
1. ปรับเปลี่ยนอาหาร เลือกทานอาหารที่มีคุณภาพ รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และแหล่งโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลา ไก่ไม่มีหนัง และถั่ว รวมถึงการ ควบคุมปริมาณในการบริโภค ใช้จานขนาดเล็กหรือวตวงาหารเพื่อจำกัดปริมาณที่กิน หลีกเลี่ยงการกินจานใหญ่ที่อาจนำไปสู่การกินมากเกินไป
2. ใช้ชีวิตแบบมีกิจกรรม ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำกิจกรรมทางกาย รวมถึงการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ปานกลางถึงสูง เช่น การเดินเร็ว วิ่ง หรือโยคะ ผสมผสานการฝึกความแข็งแรง รวมการฝึกด้วยน้ำหนักเข้ากับกิจกรรมประจำสัปดาห์เพื่อช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน กิจกรรมง่ายๆในการเริ่มจ้นคือการเดิน เพิ่มการเดินใรชีวิตประจำวันให้มากขึ้น
3. การจัดการความเครียดและการนอนหลับ การจัดการความเครียดโดยค้นหาวิธีการผ่อนคลายที่เหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การฝึกหายใจ หรือการใช้เวลากับธรรมชาติ หาเวลาพักผ่อนและผ่อนคลาย การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ พยายามนอนหลับให้พอเพียงอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและลดการสะสมของไขมัน
4. การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ น้ำเป็นสิ่งจำเป็น ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน น้ำช่วยเติมเต็มความอิ่มและสนับสนุนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
วิธีควบคุมค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
อย่างยั่งยืนและปลอดภัย
1. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ โดยเน้นไปที่อาหารที่มีสารอาหารหลากหลาย รวมถึงผัก ผลไม้ โปรตีนที่ไม่อุดมไปด้วยไขมัน ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวและโอเมก้า-3 เข้าใจและรับรู้ถึงปริมาณการบริโภคที่เหมาะสม การใช้เครื่องช่วยวัดหรือแอปพลิเคชันที่ช่วยในการติดตามปริมาณแคลอรี่อาจเป็นประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก
2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและส่งเสริมการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ แนะนำให้ออกกำลังกายปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 150 ถึง 300 นาทีต่อสัปดาห์
3. การนอนหลับที่เพียงพอ
การได้รับการนอนหลับที่เพียงพอเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก การขาดการนอนหลับสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่ม ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักได้ ความเครียดสามารถนำไปสู่การกินอาหารเพื่อการปลอบโยนตนเอง (emotional eating) และทำให้คุณเลือกอาหารที่มีพลังงานสูงและมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การหาวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสม เช่น การฝึกโยคะ การทำสมาธิ หรือการใช้เทคนิคการหายใจสามารถช่วยคุมน้ำหนักได้
4. การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
การดื่มน้ำเป็นประจำช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มและอาจช่วยลดปริมาณอาหารที่คุณบริโภคได้ นอกจากนี้ น้ำยังช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย
การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณคุมค่า BMI ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและยั่งยืนได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์สุขภาพของคุณเป็นการเฉพาะ เพราะแต่ละบุคคลมีความต้องการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาจะช่วยให้คุณปรับแนวทางเหล่านี้ให้เหมาะสมกับคุณมากที่สุด พร้อมทั้งสร้างแผนการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืนและปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณในระยะยาว
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงและเหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีแผนการดูแลสุขภาพที่ดีและเหมาะสม แต่ยังช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์และจิตใจในระหว่างการเดินทางเพื่อบรรลุเป้าหมายสุขภาพของคุณ การรักษาหรือเปลี่ยนแปลงค่า BMI จึงควรทำด้วยความระมัดระวังและในบริบทที่เหมาะสม รวมถึงการส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว ยั่งยืน และปลอดภัย
และนอกจากวิธีเหล่านี้แล้วหลายปีที่ผ่านมา วิตามินหรืออาหารเสริมลดน้ำหนักเป็นอีกตัวเลือกของหลายๆคน ที่ใช้เป็นจัวช่วยในการลดค่า BMI สำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลน้ำหนัก รูปร่างหรือสุขภาพมากนัก ทางเลือกนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการใช้อาหารเสริมลดน้ำหนักในการช่วยลดความอ้วน หรือลดค่า BMI ผู้หญิง
ตัวช่วยยอดนิยมในการลดค่า BMI ผู้หญิง
การลดค่า BMI ผู้หญิง แนวทางหลักคือการลดน้ำหนัก วิตามินหรืออาหารเสริมลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหลายปีที่ผ่านมา อาหารเสริมลดน้ำหนักสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์เมื่อใช้อย่างมีสติและร่วมกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพ การใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายในการลดค่า BMI ของคุณอย่างยั่งยืนและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารเสริมควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร ซึ่งรวมถึงการพบกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกาย และการจัดการกับความเครียด เพื่อสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและส่งเสริมสุขภาพที่ดี เพราะฉนั้นเป้าหมายของคุณไม่ว่าจะเป็น การลดค่า BMI การลดความอ้วน หรือลดน้ำหนัก อาหารเสริมตัวไหนล่ะที่จะช่วยให้เป้าหมายของคุณนั้นสำเร็จได้
ตัวช่วยจากโรงพยาบาลยันฮี
ยันฮีคอลลินพลัส (Yanhee Callyn Plus)
ทางโรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลชั้นนำเรื่องสุขภาพและความงาม รวมไปถึงอีกด้านที่โดดเด่นคือ โปรแกรมควบคุมน้ำหนักได้เล็งเห็นว่าคนไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะผู้หญิงนั้น มีค่า BMI ที่สูงจึงได้คิดค้นและวิจัยทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน และลดค่า BMI ทำให้ยันฮีคอลลินพลัสเป็นตัวช่วยที่สามารถใช้เองได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล
ยันฮีคอลลินพลัส (Yanhee Callyn Plus) ตัวช่วยที่คุณมั่นใจได้ว่าปลอดภัย
ได้รับการอนุมัติจาก อย. | เลขอย. 12-1-4844150031
- สารสกัดจากเมล็ดมะม่วงแอฟริกันเอกสิทธิ์ของทางยันฮี สารสกัดนี้ช่วยในการเสริมสร้างฮอร์โมนเลปติน (ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็ว) ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วและลดความอยากอาหาร หนึ่งสามาเหตุเพราะรับประทานอาหารมากเกินไป จึงทำให้ค่า BMI ผู้หญิงนั้นสูงมาก
- แอลคาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ช่วยลำเลียงกรดไขมันเข้าไปในเซลล์ของไมโทคอนเดียส ซึ่งไขมันส่วนเกินสามารถสลายตัวและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเผาผลาญไขมันใต้ผิวหนัง เพิ่มระดับพลังงานของร่างกาย ช่วยให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ช่วยในการทำงานของตับ
โดยสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้ ปลอดภัยไม่ส่งผลต่อระบบประสาท ผ่านการคิดค้นและวิจัยโดยทีมแพทย์โรงพยาบาลยันฮี และผลิตโดยโรงงานยาระดับประเทศ ยันฮีคอลลินพลัส จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนลดน้ำหนักกล่าวถึงมากที่สุดในขณะนี้ ไม่ว่าคุณจะมีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ไหน ยันฮีคอลลินพลัส ก็จบปัญหาน้ำหนักของคุณได้ อย่างปลอดภัยและเห็นผลจริง หากคุณต้องการอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง
ยันฮีคอลลินพลัส (Yanhee callyn plus) อ่านเพิ่มได้ผ่านเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจัดจำหน่ายสินค้าจากโรงพยาบาลยันฮี อย่างเป็นทางการ Yanheethailandonline
หรือท่านใดที่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนัก จากปัจจัยต่างๆ อีกมากมาย เมื่อเช็คค่า BMI แล้วพบว่าเกินกว่าเกณฑ์อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณเริ่มได้เลยตอนนี้คือ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่จะประเมินแผนการลดค่า BMI ของคุณได้