ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของใครหลายคน หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและพูดถึงมากในช่วงหลังนี้คือการทำ IF หรือ Intermittent Fasting ซึ่งเป็นการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการกินและอดอาหาร โดยเฉพาะ ตาราง IF 18/6 ที่ถือเป็นหนึ่งในสูตรยอดฮิตของคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีวินัยและไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนักหรือการอดอาหารแบบหักโหม
ตาราง IF 18/6 คือการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการอดอาหาร 18 ชั่วโมง และมีช่วงเวลากินอาหารเพียง 6 ชั่วโมงต่อวัน วิธีนี้ไม่ได้เน้นที่ปริมาณอาหารเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายนำพลังงานที่สะสมไว้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็น วิธีลดน้ำหนัก ที่สามารถทำได้จริง เหมาะกับทั้งผู้ที่เริ่มต้นและผู้ที่เคยลองลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับหลักการของตาราง IF 18/6 อย่างละเอียด พร้อมแจก เมนูอาหารสำหรับช่วงเวลาที่กินได้ในแต่ละวัน ครบทั้งสัปดาห์ โดยเน้นเมนูที่ทำตามได้ง่าย ใช้วัตถุดิบไม่ซับซ้อน และยังช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย หากคุณกำลังมองหาแนวทางหรือวิธีลดน้ำหนักที่ไม่กดดันจนเกินไป ตาราง IF 18/6 อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณมากที่สุดในตอนนี้
ตาราง IF 18/6 สำหรับมือใหม่ (ช่วงเวลาแนะนำ)
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ IF 18/6 เป็นครั้งแรก การเลือกช่วงเวลาในการอดและการกินอาหารถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงประสิทธิภาพของการลดน้ำหนักด้วย โดยทั่วไป ตาราง IF 18/6 คือการจำกัดเวลาในการกินอาหารให้อยู่ภายใน 6 ชั่วโมง และงดอาหารในช่วงเวลา 18 ชั่วโมงที่เหลือของวัน ซึ่งมีผลช่วยให้ร่างกายดึงไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น ส่งผลต่อการลดน้ำหนักในระยะยาว ตัวอย่างช่วงเวลา IF 18/6 ที่ได้รับความนิยม คือ การเริ่มกินอาหารตั้งแต่เวลา 12.00 นาฬิกา และหยุดกินเวลา 18.00 นาฬิกา หมายความว่าในช่วง 12.00 – 18.00 นาฬิกา คุณสามารถกินอาหารได้ตามปกติ (ภายใต้การควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพ) จากนั้นจะเริ่มงดอาหารตั้งแต่ 18.00 นาฬิกา จนถึง 12.00 นาฬิกาในวันถัดไป รวมเป็นระยะเวลาอดอาหาร 18 ชั่วโมงเต็ม
ตาราง IF 18/6 แบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลางานหรือกิจวัตรประจำวันอยู่ในช่วงเช้าและบ่าย เพราะสามารถวางแผนมื้ออาหารให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่สะดวกได้ การเลือกช่วงเวลาในการทำ IF จึงควรปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเริ่มกินเที่ยงตรงเสมอไป เช่น หากคุณสะดวกกินตั้งแต่ 10.00 นาฬิกา ก็สามารถจัดตาราง IF 18/6 ให้เป็น 10.00 – 16.00 นาฬิกาได้เช่นกัน สำหรับมือใหม่ที่ต้องการใช้ IF 18/6 เป็นวิธีลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ควรเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมการกินก่อน เช่น ลดการกินจุบจิบระหว่างวัน เลือกกินอาหารที่อิ่มนาน และเน้นเมนูที่ให้พลังงานดีต่อร่างกาย การปฏิบัติตามตาราง IF 18/6 อย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงช่วยควบคุมแคลอรีเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญและระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ในบทความนี้ เราจะมีการแจกเมนูอาหารตัวอย่างสำหรับการทำตามตาราง IF 18/6 เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน และสร้างวินัยการกินที่เหมาะสม โดยไม่รู้สึกอดหรือเครียดจากการลดน้ำหนัก
ตารางเมนู IF 18/6 ลดน้ำหนัก (ตัวอย่าง 7 วัน)
| วัน | มื้อแรก (ประมาณ 12.00 น.) | มื้อที่สอง (ประมาณ 17.30 น.) |
|---|---|---|
| จันทร์ | ข้าวกล้อง 1 ทัพพี + อกไก่ย่าง + ผักลวก | ไข่ต้ม 2 ฟอง + น้ำพริกปลาทู + แตงกวา |
| อังคาร | ยำวุ้นเส้นใส่อกไก่ + ไข่ต้ม | ข้าวกล้อง + ต้มจืดสาหร่ายเต้าหู้ + ผัดผักรวมน้ำมันน้อย |
| พุธ | ข้าวไรซ์เบอร์รี่ + ปลานึ่งสมุนไพร | สลัดอกไก่ + ซุปฟักทอง |
| พฤหัส | แกงเลียง + ข้าวกล้อง + ไข่เจียวไม่ใส่น้ำมัน | ข้าวต้มปลา + ผักสด |
| ศุกร์ | ข้าวกล้อง + ผัดบรอกโคลีอกไก่ + แครอทต้ม | ซุปอกไก่ใส่เห็ด + แอปเปิลเขียว 1 ลูก |
| เสาร์ | ข้าวกล้อง + แกงส้มผักรวม + ไข่ต้ม | ขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น + อะโวคาโดบด |
| อาทิตย์ | โจ๊กข้าวโอ๊ตใส่อกไก่ + ไข่ลวก | ปลาย่าง + ข้าวไรซ์เบอร์รี่ + ต้มจืดตำลึง |
หมายเหตุเพิ่มเติม
-
ในช่วงอดอาหาร (18.00–12.00) สามารถดื่มน้ำเปล่า, ชาไม่หวาน, หรือกาแฟดำได้ ไม่ใส่น้ำตาลหรือนม
-
ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด หวานจัด เค็มจัด
-
สามารถปรับเมนูให้เข้ากับงบประมาณหรือความสะดวกในการเตรียมอาหารได้
ตารางกิน IF 18/6 พร้อมเมนูลดน้ำหนัก (7 วัน)
หากคุณกำลังมองหาแนวทางการลดน้ำหนักแบบปลอดภัยและไม่ทรมานร่างกาย การทำตามตาราง IF 18/6 ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้จำนวนมากยืนยันว่าเห็นผลจริง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการลดไขมันสะสมอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องอดอาหารตลอดวัน หรือควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดจนเกิดความเครียด เพราะ IF 18/6 เป็นแนวทางการกินแบบจำกัดช่วงเวลา โดยเน้นการเว้นช่วงจากการกินอาหารติดต่อกัน 18 ชั่วโมง และเปิดช่วงเวลากินเพียง 6 ชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการดึงพลังงานจากไขมันสะสมมาใช้แทนพลังงานจากอาหาร ช่วยให้เกิดการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกหนึ่งจุดเด่นของการทำ IF 18/6 คือสามารถควบคุมปริมาณแคลอรีในแต่ละวันได้โดยไม่ต้องนับแคลอรีอย่างเคร่งครัด เพราะเมื่อเรากินในช่วงเวลาที่กำหนด ร่างกายจะไม่สะสมพลังงานส่วนเกินมากเกินไป ทั้งยังช่วยลดพฤติกรรมการกินจุกจิกระหว่างวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำ Intermittent Fasting แต่ยังไม่มีแนวทางชัดเจนในการจัดมื้ออาหาร บทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างถูกวิธี โดยเราได้จัดตาราง IF 18/6 พร้อมเมนูอาหารในแต่ละวันสำหรับ 7 วัน ที่เน้นความเรียบง่าย ทำตามได้จริง และเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่รู้สึกว่าต้องฝืนหรืออดอาหารอย่างหนัก คุณสามารถนำตารางมื้ออาหารนี้ไปปรับใช้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ พร้อมทั้งใช้เป็นแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับเป้าหมายด้านสุขภาพและน้ำหนักตัวอย่างยั่งยืน การเริ่มต้นอย่างถูกต้องคือก้าวแรกที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสุขภาพของคุณให้ดีขึ้นในระยะยาว
วันที่ 1
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
อกไก่ย่างไม่ติดหนัง เสิร์ฟพร้อมผักลวก เช่น บรอกโคลีและแครอท สามารถเติมรสชาติด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบโฮมเมดที่ไม่ใส่น้ำตาล
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ไข่ต้มสองฟอง ข้าวกล้องครึ่งทัพพี และแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่สาหร่าย เพื่อให้ได้โปรตีนครบถ้วนและให้ร่างกายอิ่มนานก่อนเข้าสู่ช่วงอดอาหาร
วันที่ 2
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ข้าวไรซ์เบอร์รี่กับปลาแซลมอนย่าง เสิร์ฟคู่กับสลัดผักสดใส่น้ำสลัดงาญี่ปุ่นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มใยอาหารและไขมันดีจากปลาทะเล
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ซุปฟักทองไม่ใส่นม พร้อมอกไก่สับลวกคลุกกับเครื่องต้มยำ เพิ่มรสชาติแบบไทยๆ ที่ไม่เพิ่มพลังงานเกินจำเป็น
วันที่ 3
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ข้าวกล้องกับไข่พะโล้สูตรคลีน (ไม่หวาน) พร้อมผัดผักบุ้งน้ำมันน้อย ช่วยให้ได้พลังงานพอดีโดยไม่รู้สึกอึดอัด
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ต้มจืดผักกาดขาวหมูสับ ขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น อาจเติมน้ำเต้าหู้ไม่หวาน 1 แก้วเพื่อความอิ่มอยู่ท้องนานยิ่งขึ้น
วันที่ 4
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนไส้ไก่ไม่มัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรโซเดียมต่ำ และผลไม้เช่นแอปเปิลเขียวครึ่งลูก
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ข้าวกล้องกับต้มยำเห็ดรวมไม่ใส่กะทิ และยำปลากระป๋องสูตรคลีน ให้รสเผ็ดเล็กน้อย ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ
วันที่ 5
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ไข่คนใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น และอะโวคาโดฝานบาง ช่วยเพิ่มไขมันดี
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ต้มจืดมะระยัดไส้หมูสับ และสลัดผักสดราดน้ำสลัดใสแบบโฮมเมด เหมาะสำหรับวันที่ต้องการมื้อเบาๆ แต่ยังอิ่ม
วันที่ 6
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ กับปลาทูทอดในหม้ออบลมร้อน ผัดถั่วงอกเต้าหู้ขาวน้ำมันน้อย ช่วยให้ได้สารอาหารครบถ้วน
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
ไข่ต้ม 1 ฟอง สลัดทูน่าไม่ใส่มายองเนส และซุปมิโสะเบาๆ สำหรับช่วงที่ร่างกายเริ่มปรับตัวกับการทำ IF ได้แล้ว
วันที่ 7
มื้อแรก (เวลา 12.00 น.)
ข้าวกล้องกับอกไก่ต้มฉีกใส่ในแกงเลียงผักรวม รับประทานคู่กับฟักทองนึ่งเล็กน้อย เพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกาย
มื้อสุดท้าย (เวลา 17.30 น.)
น้ำพริกปลาทูคลุกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว และต้มฟักใส่ซี่โครงหมูอ่อนแบบคลีน
การทำตาม ตาราง IF 18/6 ด้วยการเลือกเมนูอาหารที่เน้นโปรตีนดี ไฟเบอร์สูง และลดคาร์โบไฮเดรตที่ไม่จำเป็น จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องอดอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็น วิธีลดน้ำหนัก ที่ปลอดภัยและยั่งยืน เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างจริงจัง หากคุณยังใหม่กับการทำ IF ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยตารางเมนูนี้ แล้วค่อยๆ ปรับรสชาติ ปรับวัตถุดิบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ รับรองว่าจะช่วยให้การลดน้ำหนักง่ายและไม่กดดันตัวเองมากเกินไปค่ะ
เคล็ดลับการทำ IF 18/6 ให้ได้ผลจริง
การทำตามตาราง IF อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้เร็วขึ้น เนื่องจากกระบวนการอดอาหารในช่วงเวลาหนึ่งของวันจะกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “เผาผลาญไขมันสะสม” แทนการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเข้าไป เมื่อร่างกายเริ่มชินกับรูปแบบการกินนี้ ระบบเผาผลาญจะค่อยๆ ปรับสมดุล และส่งผลให้ไขมันส่วนเกินค่อยๆ ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักให้เห็นผลเร็วอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากไม่คำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาว เพราะแม้ว่าการทำ IF 18/6 จะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่หากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันยังคงเต็มไปด้วยความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือเลือกรับประทานอาหารไม่มีคุณภาพในช่วงเวลากิน ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ลดลง หรือเกิดอาการโยโย่เมื่อหยุดทำ IF ไปแล้ว ดังนั้น หากคุณต้องการเริ่มต้นลดน้ำหนักอย่างจริงจังและต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ในช่วงเวลาที่กิน การดื่มน้ำให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน และการออกกำลังกายที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องหักโหม แต่ควรมีความสม่ำเสมอเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบเผาผลาญให้แข็งแรงขึ้น เมื่อคุณสามารถทำตามตารางการกินแบบ IF ได้อย่างต่อเนื่อง และควบคุมพฤติกรรมประจำวันให้เหมาะสม การลดน้ำหนักจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะไม่เพียงแค่ตัวเลขบนเครื่องชั่งที่ลดลง แต่รวมถึงสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของพลังงานในชีวิตประจำวัน อารมณ์ที่สดใส และความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน
แม้ช่วงเวลาการอดอาหารจะกินเวลานานถึง 18 ชั่วโมง แต่การดื่มน้ำสามารถทำได้ตลอดวัน การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยลดความหิวระหว่างช่วงอดอาหาร และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการใช้พลังงานสะสมได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ วิธีลดน้ำหนักด้วย IF 18/6 ที่ไม่ควรมองข้าม
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างเพียงพอไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว หากนอนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งกระตุ้นความหิวจะเพิ่มขึ้น ทำให้คุณอยากกินอาหารมากขึ้นระหว่างช่วงกินตาม ตาราง IF ดังนั้น การนอนหลับที่ดีคือหนึ่งในองค์ประกอบของการ ลดน้ำหนัก ที่ควรใส่ใจ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและของทอด
แม้คุณจะมีช่วงเวลากินอาหาร 6 ชั่วโมงตามตาราง แต่หากเลือกอาหารที่เต็มไปด้วยน้ำตาล ไขมันทรานส์ หรือของทอดมากเกินไป ก็อาจทำให้แคลอรี่รวมต่อวันสูงเกินความจำเป็น ส่งผลให้การ ลดน้ำหนัก ไม่เห็นผล หรืออาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ การเลือกเมนูที่ให้พลังงานพอเหมาะ ย่อยง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการทำ IF ได้ดียิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้ตารางเมนูที่สอดคล้องกับ ตาราง IF เพื่อควบคุมสารอาหารได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- อย่าอดอาหารมากเกินไปจนเกิดโยโย่เอฟเฟกต์
การทำ IF ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องอดอาหารหรือกินให้น้อยจนร่างกายขาดพลังงาน หากคุณจำกัดปริมาณอาหารมากเกินไป ร่างกายอาจเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน และเมื่อกลับมากินตามปกติ น้ำหนักอาจพุ่งกลับเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเรียกว่า “โยโย่เอฟเฟกต์” ดังนั้น หากต้องการ ลดน้ำหนัก อย่างปลอดภัย ควรจัดมื้ออาหารในช่วงที่กำหนดให้ครบถ้วน และเน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
- ออกกำลังกายเบาๆ ระหว่างทำ IF
การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญไขมัน และเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลดีต่อการ ลดน้ำหนัก ในระยะยาว สำหรับผู้ที่ทำ IF 18/6 ควรเลือกการออกกำลังกายที่ไม่หักโหม เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือเวทเบาๆ ในช่วงที่ร่างกายได้รับพลังงาน โดยเฉพาะช่วงหลังมื้อแรกตาม ตาราง IF เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเวียนหัวหรืออ่อนเพลีย
การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือควบคุมอย่างเข้มงวดจนเกินไป หากเข้าใจหลักการของการทำ IF โดยเฉพาะตาราง IF ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน การกินแบบ IF 18/6 หมายถึงการกินอาหารภายในช่วงเวลา 6 ชั่วโมง และอดอาหารอีก 18 ชั่วโมงต่อวัน โดยที่ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะการเผาผลาญไขมันมากขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ได้รับอาหาร ซึ่งส่งผลต่อการลดไขมันสะสมและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ที่เด่นชัดของการทำตามตาราง IF คือการควบคุมอินซูลินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การลดความหิวแบบไม่มีเหตุผล การเพิ่มพลังในการเผาผลาญพลังงาน และที่สำคัญคือสามารถทำได้จริงในชีวิตประจำวัน หากเลือกช่วงเวลากินอาหารที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เช่น เลือกกินอาหารตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงหกโมงเย็น แล้วเริ่มต้นช่วงอดอาหารตั้งแต่เย็นถึงสายของวันถัดไป การปรับตารางชีวิตให้เข้ากับตาราง IF จะช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ควรทดลองทำตามตาราง IF ควบคู่กับการเลือกเมนูอาหารที่เหมาะสมต่อการลดน้ำหนัก เช่น อาหารที่ให้พลังงานพอเหมาะ โปรตีนสูง ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไม่ควรรับประทานอาหารแคลอรีสูงหรือน้ำตาลมากเกินไป แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่สามารถกินได้ก็ตาม เพราะจะลดทอนประสิทธิภาพของวิธีลดน้ำหนักแบบ IF ลง การออกกำลังกายเบาๆ ระหว่างทำ IF เช่น การเดินเร็ว โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งระดับเบา จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญและช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ไม่เกิดอาการโยโย่ และยังช่วยให้รูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น หากคุณยังลังเลว่าจะเริ่มอย่างไร ลองใช้ตาราง IF ที่เราแนะนำไว้ พร้อมเมนูลดน้ำหนักประจำวันในบทความนี้เป็นแนวทางเบื้องต้น เริ่มต้นเพียงแค่ 7 วัน และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น น้ำหนักตัว ความหิว และพลังงานที่รู้สึกในแต่ละวัน คุณอาจพบว่าวิธีลดน้ำหนักแบบนี้ไม่ยากอย่างที่คิด และสามารถปรับให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ได้ในระยะยาว









