วิธีทำ IF

มือใหม่หัด วิธีทำ IF 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

ในยุคปัจจุบันที่การดูแลสุขภาพและการลดน้ำหนักกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของใครหลายคน Intermittent Fasting หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อย่อว่า IF กลายเป็นกระแสยอดนิยมที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะในแวดวงโซเชียลมีเดีย กลุ่มคนรักสุขภาพ หรือแม้แต่ในวงการแพทย์และนักโภชนาการ หลายคนที่ลองทำ IF ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ทั้งในเรื่องของการลดน้ำหนัก สุขภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยสร้างวินัยในการกินอาหารอีกด้วย

แล้ว IF คืออะไร? IF คือ การจัดตารางเวลากินและอดอาหาร ในแต่ละวันอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งช่วงเวลาออกเป็นสองส่วนหลัก ๆ คือ ช่วงอดอาหาร (Fasting) และ ช่วงกินอาหาร (Eating Window) ซึ่งช่วงเวลาที่นิยมทำกันมากที่สุดสำหรับมือใหม่คือ 16/8 (อด 16 ชั่วโมง กิน 8 ชั่วโมง) วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้พักระบบย่อยอาหาร กระตุ้นการเผาผลาญไขมันสะสม และปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ที่น่าสนใจคือ การทำ IF ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนหรือต้องอดอาหารอย่างเข้มงวดจนเกินไป คุณยังสามารถกินอาหารที่ชอบได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพียงแต่ต้องจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับตารางชีวิตของคุณ หลายคนที่เคยคิดว่าการลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก มองว่าการทำ IF เป็นทางเลือกที่เรียบง่ายและยั่งยืน

ทำ IF ไม่ยากอย่างที่คิด คุณไม่จำเป็นต้องอดอาหารทั้งวัน หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ วิธีทำ IF สำหรับมือใหม่ พร้อมแนะนำ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำตามได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีตารางงานแน่นหรือไม่มีเวลามาก บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจ IF อย่างละเอียด รวมถึงวิธีเริ่มต้นทำ IF แบบไม่กดดันตัวเอง พร้อมเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับวิธีนี้ได้ง่ายขึ้น หากคุณกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักที่ไม่ซับซ้อน ปลอดภัย และเห็นผลอย่างยั่งยืน บทความนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่พาคุณไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอน

ข้อควรรู้ก่อนเริ่มวิธีทำ IF


Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วงเวลานั้น แม้จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมและเข้าใจพื้นฐานของการทำ IF เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การเริ่มต้นโดยไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ หรือทำให้คุณล้มเลิกความตั้งใจได้ง่าย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มทำ IF เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

1. ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มวิธีทำ IF

หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น กรดไหลย้อน หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มต้นทำ IF เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การอดอาหารในช่วงเวลาหนึ่งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือระบบฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้ การได้รับคำแนะนำเฉพาะตัวจะช่วยให้คุณทำ IF ได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับร่างกายของคุณ

สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นที่ยังต้องการพลังงานสำหรับการเติบโต อาจไม่เหมาะสมกับการทำ IF คุณควรเลือกรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ไม่จำเป็นต้องจำกัดเวลาการกินอาหาร

2. อาการข้างเคียงที่อาจพบในช่วงแรก

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอย่างกระทันหัน อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการข้างเคียงในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่มือใหม่หลายคนมักเจอ เช่น:

  • รู้สึกหิวบ่อย ในช่วงที่เริ่มทำ IF คุณอาจรู้สึกหิวในเวลาที่ไม่ได้รับประทานอาหาร ซึ่งเป็นผลจากที่ร่างกายยังไม่ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำอุ่นเป็นประจำ และหากยังรู้สึกหิว อาจเลือกดื่มชาเขียวหรือกาแฟดำที่ไม่มีน้ำตาล
  • อ่อนเพลีย การอดอาหารอาจทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า โดยเฉพาะในวันแรก ๆ วิธีแก้คือพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมากในช่วงเวลาที่อดอาหาร
  • สมองเบลอหรือมึนงง ร่างกายอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยเฉพาะถ้าคุณอดอาหารในช่วงเช้า ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ร่างกายได้รับพลังงานจากมื้ออาหาร แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ และเพิ่มการรับประทานอาหารในช่วงเวลากิน

3. เลือกประเภท IF ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์

การเลือกประเภทของ IF ที่เหมาะสมกับตารางชีวิตและความสะดวกของคุณเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณทำ IF ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตัวอย่างของประเภท IF ที่เหมาะกับมือใหม่มีดังนี้

  • IF แบบ 12/12 อดอาหาร 12 ชั่วโมง และกิน 12 ชั่วโมง วิธีนี้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้น เพราะไม่ต้องอดอาหารนานเกินไป เช่น อาจเริ่มกินอาหารมื้อแรกเวลา 8 โมงเช้า และกินมื้อสุดท้ายเวลา 2 ทุ่ม
  • IF แบบ 16/8 อดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง วิธีนี้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนที่ทำ IF เพราะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสมได้ดีขึ้น เช่น กินมื้อแรกเวลาเที่ยง และกินมื้อสุดท้ายเวลา 2 ทุ่ม
  • IF แบบ 5:2 กินปกติ 5 วัน และควบคุมแคลอรีใน 2 วัน (500-600 แคลอรีต่อวัน) วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการอดอาหารทุกวัน

4. อย่าฝืนตัวเองหรืออดอาหารจนเกินไป

แม้ว่าการทำ IF จะเน้นการอดอาหารในช่วงเวลาหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือต้องฟังร่างกายของตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกหิวมากเกินไป หรือเกิดอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ควรหยุดการทำ IF ชั่วคราว และปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับร่างกาย อย่าลืมว่า สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด การอดอาหารที่มากเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร หรือกระทบต่อระบบเผาผลาญในระยะยาว

การทำ if 16/8 กินยังไง

5 ขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับมือใหม่หัดวิธีทำ IF


การเริ่มต้น Intermittent Fasting (IF) อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ซับซ้อนหรือท้าทายสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลอง หลายคนอาจตั้งคำถามว่าต้องอดอาหารยังไง ต้องกินอาหารแบบไหน หรือจะสามารถทำได้ต่อเนื่องหรือไม่ แต่ในความเป็นจริง การทำ IF เป็นวิธีที่เรียบง่าย มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถปรับให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้อย่างง่ายดาย

IF ไม่ใช่แค่เรื่องของการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น การปรับสมดุลของระบบเผาผลาญ การลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง และการช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พักผ่อน หลายคนที่ลองทำ IF มักพบว่ารู้สึกสดชื่นมากขึ้น ร่างกายเบาสบาย และยังช่วยสร้างวินัยในการกินอาหารอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้ IF ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือความเรียบง่ายและไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมหรืออาหารพิเศษใด ๆ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตทั้งหมด เพียงแค่ปรับช่วงเวลาในการกินและอดอาหารอย่างเหมาะสม คุณก็สามารถเริ่มต้นได้ทันที และที่สำคัญ IF ยังให้ความยืดหยุ่นในการเลือกประเภทอาหารที่คุณชอบ เพียงแค่เน้นการกินอย่างสมดุลและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรีสูงหรือขาดคุณค่าทางโภชนาการ สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้น IF อาจต้องอาศัยการเตรียมตัวและความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของวิธีนี้ เพื่อช่วยให้คุณสามารถปรับตัวได้อย่างมั่นใจ การเรียนรู้และวางแผนล่วงหน้า เช่น การกำหนดช่วงเวลาอดอาหารที่เหมาะสม การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการรู้วิธีฟังร่างกายตัวเอง จะช่วยให้คุณมีประสบการณ์การทำ IF ที่ราบรื่นและประสบความสำเร็จ

1. กำหนดช่วงเวลาอดและกิน

การกำหนดช่วงเวลาอดอาหารและกินอาหาร ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ IF วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเผาผลาญไขมัน และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มจากรูปแบบที่ง่ายที่สุด เช่น:

  • 12/12 อดอาหาร 12 ชั่วโมง และกินอาหารในช่วง 12 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะไม่กดดันร่างกายมากเกินไป เช่น กินมื้อแรกเวลา 7.00 น. และมื้อสุดท้ายเวลา 19.00 น.
  • 16/8 อดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินอาหารในช่วง 8 ชั่วโมง เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ดี คุณสามารถขยับไปใช้รูปแบบนี้ได้ เช่น กินมื้อแรกเวลา 12.00 น. และมื้อสุดท้ายเวลา 20.00 น.

ตัวอย่างตาราง IF แบบ 16/8 สำหรับมือใหม่

  • 8.00 น. – 12.00 น. อดอาหาร (สามารถดื่มน้ำเปล่า ชาเขียว หรือกาแฟดำได้)
  • 12.00 น. มื้อแรก (เน้นโปรตีนและไฟเบอร์ เช่น ไข่ต้ม + สลัดผัก + มันหวาน)
  • 18.30 น. มื้อสุดท้าย (ครบ 5 หมู่ เช่น ข้าวกล้อง + แซลมอนย่าง + ผักนึ่ง)
  • 20.00 น. – 8.00 น. อดอาหาร

2. เลือกอาหารที่เหมาะสม 

แม้ว่าการทำ IF จะไม่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับประเภทของอาหาร แต่การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด และลดความหิวระหว่างช่วงอดอาหาร สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ:

  • เน้นโปรตีน เช่น อกไก่, ปลา, ไข่, เต้าหู้ หรือถั่ว เพื่อช่วยให้คุณอิ่มนานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มผักและผลไม้ โดยเฉพาะผักใบเขียวและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิ้ล, กล้วย, สตรอว์เบอร์รี่ เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร
  • เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง, ควินัว, มันหวาน เพื่อให้พลังงานยาวนานและลดความอยากของหวาน
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและน้ำตาล เช่น ขนมขบเคี้ยว อาหารสำเร็จรูป หรือเครื่องดื่มหวาน เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่ดี

ตัวอย่างมื้ออาหาร

  • มื้อแรก ข้าวกล้อง + อกไก่ย่าง + ผักสด
  • มื้อสุดท้าย แซลมอนย่าง + สลัดผัก + มันหวาน

การเลือกอาหารที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณอิ่มนาน ลดอาการหิวระหว่างวัน และทำให้การทำ IF มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ 

น้ำเปล่า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการทำ IF ให้ได้ผลดี โดยเฉพาะในช่วงที่อดอาหาร การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยลดความหิว และรักษาความสมดุลของร่างกาย

ระหว่างช่วงอดอาหาร คุณสามารถเลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีเพื่อช่วยระงับความหิว เช่น

  • น้ำเปล่า
  • ชาเขียว (ไม่ใส่น้ำตาล)
  • กาแฟดำ

เคล็ดลับการดื่มน้ำ

  • ดื่มน้ำประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นในวันที่คุณทำกิจกรรมเยอะ
  • แบ่งการดื่มน้ำออกเป็นช่วง เช่น หลังตื่นนอน ก่อนมื้ออาหาร และก่อนนอน
  • หากรู้สึกหิวในช่วงอดอาหาร ให้ลองดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเปล่าเพื่อช่วยลดความอยากอาหาร

4. ฟังร่างกายตัวเอง

หนึ่งในความผิดพลาดที่พบบ่อยในการทำ IF คือการฝืนตัวเองจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบในทางลบ เช่น อาการอ่อนเพลีย ปวดหัว หรือสมองไม่ปลอดโปร่ง หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือหิวมากเกินไป คุณสามารถปรับตารางเวลาให้เหมาะสม เช่น:

  • ลดช่วงเวลาอดอาหารจาก 16/8 เป็น 12/12
  • เพิ่มปริมาณอาหารในช่วง Eating Window เพื่อช่วยลดความหิว

คำแนะนำ

  • อย่ากดดันตัวเอง ถ้ารู้สึกว่าร่างกายยังไม่พร้อม ให้หยุดพักและเริ่มใหม่เมื่อพร้อม
  • หากคุณรู้สึกไม่สบายหรืออ่อนเพลียอย่างรุนแรง ให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

การฟังร่างกายและปรับเปลี่ยนตารางเวลาตามความเหมาะสม จะช่วยให้คุณทำ IF ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

5. ให้เวลาและความต่อเนื่อง

การทำ IF ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ในทันที โดยเฉพาะในเรื่องของการลดน้ำหนักหรือสุขภาพ การให้เวลาและทำอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและเข้าสู่โหมดการเผาผลาญไขมันอย่างเต็มที่

เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว

  • เริ่มต้นจากเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น ทำ IF ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์
  • เมื่อร่างกายคุ้นชินแล้ว ค่อยเพิ่มระยะเวลาเป็น 1 เดือนหรือ 3 เดือน

คำแนะนำสำหรับความต่อเนื่อง

  • ติดตามผลลัพธ์ เช่น น้ำหนักที่ลดลง หรือระดับพลังงานในแต่ละวัน
  • ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ เช่น ทานอาหารที่ชอบในปริมาณพอดี

การให้เวลาและความต่อเนื่องจะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืนในระยะยาว

ตัวอย่างตาราง IF สำหรับมือใหม่

12/12 (เริ่มต้น)

  • 7.00 น. มื้อเช้า (ไข่ต้ม + ข้าวกล้อง + สลัดผักสด)
  • 12.00 น. มื้อกลางวัน (ไก่ย่าง + มันหวาน + ผักลวก)
  • 19.00 น. มื้อเย็น (ซุปผัก + แซลมอนย่าง)
  • 20.00 น. – 7.00 น. อดอาหาร

16/8 (เมื่อชินแล้ว)

  • 12.00 น. มื้อแรก (โปรตีน + คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น อกไก่ + มันหวาน + สลัดผัก)
  • 18.00 น. มื้อสุดท้าย (แซลมอนย่าง + ควินัว + ผักนึ่ง)
  • 20.00 น. – 12.00 น. อดอาหาร

การทำ if 16/8 กินยังไง

การทำ Intermittent Fasting (IF) เป็นวิธีการดูแลสุขภาพและลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะไม่เพียงแค่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พักผ่อน ลดการอักเสบในร่างกาย และเพิ่มโอกาสในการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว

สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นทำ IF ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานและเริ่มต้นด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การเลือกตารางเวลาอดและกินที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง หรือเลือกประเภท IF ที่เริ่มได้ง่ายอย่าง 12/12 หรือ 16/8 นอกจากนี้ การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการฟังร่างกายตัวเองยังช่วยให้การทำ IF มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดของการทำ IF คือ ความต่อเนื่องและความเหมาะสม คุณไม่จำเป็นต้องเร่งรีบหรือกดดันตัวเอง การค่อย ๆ ปรับตัวและทำตามขั้นตอนที่แนะนำในบทความนี้ จะช่วยให้คุณทำ IF ได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน และเมื่อคุณทำอย่างถูกต้อง คุณจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในเรื่องของน้ำหนักที่ลดลง ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในทุก ๆ วัน

เริ่มต้นทำ IF ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล หากคุณพร้อมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง ลองเริ่มต้นด้วย 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เราแนะนำในบทความนี้ ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในช่วงแรก และค่อย ๆ สร้างวินัยในระยะยาว เพราะสุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่อง ลองให้โอกาสตัวเองในวันนี้ และเริ่มต้นการเดินทางสู่สุขภาพที่ดีขึ้นด้วย วิธีทำ IF ง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

ปรึกษาปัญหาลดน้ำหนัก

แชร์บทความดีๆ ให้ทุกคนได้อ่าน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Shopping Cart
0